เมเจอร์ฯเดินแผนลงทุนอัดโปรโมชั่นกระตุ้นกำลังซื้อ

พระราม 1 : เมเจอร์ฯยันไม่ชะลอการลงทุน ยังเดินหน้าตามแผนเดิม แม้การเมืองยังอึมครึม แต่เพิ่มความระมัดระวังในการทำธุรกิจมากขึ้น คาดปัญหาสุกงอมนำไปสู่ความชัดเจน ขณะที่โปรโมชั่นด้านราคายังเป็นหัวหอกสำคัญในการทำตลาด กระตุ้นกำลังซื้อผู้บริโภค

นายวิชา พูลวรลักษณ์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ้ป จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า เหตุการณ์ความวุ่นวายทางการเมืองที่เกิดขึ้นในขณะนี้หากมองในอีกแง่มุมหนึ่งถือว่าเป็นผลดีที่จะทำให้สถานการณ์นำไปสู่ความชัดเจนได้ เพราะปัจจุบันสถานการณ์เรียกได้ว่าสุกงอมถึงที่สุดแล้ว ซึ่งไม่ว่าทางออกที่เกิดขึ้นจะเป็นการยุบสภา หรือการมีรัฐบาลแห่งชาติก็ตาม แต่ถือเป็นแนวทางที่จะทำให้สถานการณ์ทางการเมืองสามารถคลี่คลายได้และมีความชัดเจน นำไปสู่ทางออกได้ในที่สุด เพราะในฐานะที่เป็นนักธุรกิจสิ่งสำคัญที่ต้องการคือ ความชัดเจนในนโยบาย หรือสถานการณ์ทางการเมือง ซึ่งในช่วง 4-5 เดือนที่ผ่านมาประเทศไทยไม่มีความชัดเจน และยังไม่มีแนวโน้มว่าสถานการณ์จะมีข้อยุติ

ทั้งนี้ ในส่วนของบริษัทยังไม่มีแผนจะชะลอการลงทุน และยังดำเนินงานตามแผนที่วางไว้ แต่จะเพิ่มความระมัดระวังและพิจารณาการลงทุนต่างๆอย่างรอบคอบขึ้นในทุกกลุ่มธุรกิจ โดยในกลุ่มธุรกิจโรงภาพยนตร์นั้น ตามแผนในปีนี้จะขยายให้ได้ 30 โรง และเตรียมขยายเพิ่มเติมในปี 2552 อีก 30 โรง ซึ่งจะเน้นสาขาในต่างจังหวัด ส่วนธุรกิจให้บริการสถานออกกำลังกายหรือฟิตเนส ภายใต้แบรนด์แคลิฟอร์เนีย ว้าว เพิ่งเปิดให้บริการสาขาใหม่ที่สาขาเอกมัย และในเดือนพฤศจิกายนนี้จะเปิดเพิ่มที่สาขารัตนาธิเบศร์

ขณะเดียวกันจะต้องเพิ่มแนวทางในการกระตุ้นกำลังซื้อของผู้บริโภคให้มากขึ้น เนื่องจากปัญหาความวุ่นวายทางการเมืองที่เกิดขึ้นส่งผลกระทบให้ผู้บริโภคระมัดระวังการใช้จ่ายมากขึ้น แม้จะยังคงมีการจับจ่าย แต่จะตัดสินใจใช้เงินเมื่อจำเป็นเท่านั้น

'ในช่วงเวลาที่เหลือของปีนี้บริษัทจะต้องมีโปรโมชั่นออกมามากกว่าปรกติ และต้องมีรูปแบบหลากหลาย รวมทั้งต้องน่าสนใจ เพื่อดึงดูดผู้บริโภค อาทิ แคมเปญมอร์นิ่งไพรส์ จำหน่ายตั๋วราคาพิเศษในช่วงเช้า หรือการจำหน่ายตั๋วราคาถูกกว่าปรกติเมื่อชมภาพยนตร์ก่อนเวลาบ่าย 2 โมง ซึ่งการทำโปรโมชั่นด้านราคาถือว่ายังมีความจำเป็น เพื่อกระตุ้นให้ภาพรวมของตลาดเติบโตได้'

สำหรับผลประกอบการของบริษัทในช่วง 9 เดือนที่ผ่านมา นายวิชากล่าวว่า ยังถือว่ามีอัตราการเติบโต โดยเฉพาะในกลุ่มธุรกิจโบว์ลิ่งที่เติบโตสูงถึง 15-20% ส่วนธุรกิจโรงภาพยนตร์คงต้องรอดูความชัดเจนในไตรมาสสุดท้ายอีกครั้ง เพราะในช่วง 9 เดือนที่ผ่านมาเติบโตน้อยกว่าช่วงเดียวกันของปีที่แล้วประมาณ 5% เพราะในปีที่ผ่านมามีภาพยนตร์ฟอร์มใหญ่อย่างตำนานสมเด็จพระนเรศวรมหาราชเข้าฉาย และสามารถสร้างรายได้สูงถึง 500 ล้านบาท

 



 

ที่มา : หนังสือพิมพ์ โลกวันนี้
ฉบับวันที่ 09 ตุลาคม พ.ศ. 2551