ปี 2567 ที่ผ่านมา ถือเป็นอีกหนึ่งปีแห่งความท้าทายและโอกาสสำหรับเศรษฐกิจไทย เรากำลังอยู่ในช่วงของการเปลี่ยนผ่านทางเศรษฐกิจ โดยประเทศไทยเริ่มเห็นผลจากการฟื้นตัวอย่างต่อเนื่องในภาคการท่องเที่ยว การลงทุน และการบริโภคภายในประเทศ ท่ามกลางความท้าทายจากเศรษฐกิจโลกที่ยังคงชะลอตัว

เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ้ป ในฐานะผู้นำกลุ่มธุรกิจอุตสาหกรรมความบันเทิงของประเทศไทย ยังมุ่งมั่นที่จะสร้างสรรค์ประสบการณ์การชมภาพยนตร์ที่ยอดเยี่ยมและตอบโจทย์ความต้องการของผู้รับบริการอย่างต่อเนื่อง โดยตลอดปีที่ผ่านมา ถึงแม้ว่าภาพยนตร์ Hollywood จะมีจำนวนที่น้อย ทำให้รายได้ภาพยนตร์ Hollywood ไม่ดี เมื่อเทียบกับปี 2566 แต่ก็ถือเป็นบทพิสูจน์ความสำเร็จของอุตสาหกรรมภาพยนตร์ไทยที่มีส่วนแบ่งทางการตลาดมากกว่าร้อยละ 50 (Tollywood) ต่อเนื่องเป็นปีที่ 2 ซึ่งในปี 2567 เรามีภาพยนตร์ไทยที่ทำรายได้ Box office เกินกว่า 100ล้านบาท ถึง 8 เรื่อง หนึ่งในนั้น คือภาพยนตร์เรื่องธี่หยด ซึ่งเป็นภาพยนตร์ที่ทางบริษัทฯ ลงทุนร่วม เป็นภาพยนตร์ไทยที่ทำรายได้สูงที่สุดในประวัติศาสตร์ภาพยนตร์ไทยทั้งหมด

และอีกหนึ่งพันธกิจสำคัญ เพื่อรักษาขีดความสามารถในการแข่งขันอัตราการเติบโตของรายได้และผลตอบแทนที่ดีในระยะยาว คือการขยายสาขาโรงภาพยนตร์ 1,200 โรง ให้ครอบคลุม 77 จังหวัดในประเทศไทย เพื่อสอดคล้องกับพันธกิจในการเป็น Tollywood โดยในปี 2567 บริษัทฯ สามารถเดินหน้าลงทุนเปิดโรงภาพยนตร์ตามแผนที่วางไว้ ซึ่งได้รับการตอบรับอย่างดีเยี่ยมหลังเปิดให้บริการ

สำหรับธุรกิจ Concession ในปีที่ผ่านมา บริษัทฯ ยังมีการขยายช่องทางการจำหน่าย POPCORN MAJOR ในช่องทางอื่นๆ มากขึ้น เช่น เพิ่มจุดจำหน่าย KIOSK เพิ่มการขายใน Hyper Market แบรนด์ต่างๆ นอกจากนี้ เพื่อลดต้นทุนและค่าใช้จ่ายในการบริหารต่างๆ โดยได้ทำการติดตั้ง SOK (Self Ordering Kiosk) ณ จุดการสั่งซื้อสินค้า เพื่อให้ผู้บริโภคได้เข้าถึงสะดวกและรวดเร็วยิ่งขึ้น รวมถึงเพิ่มประสิทธิภาพและยกระดับมาตรฐานการบริการ และเป็นการเพิ่มยอดการสั่งซื้อต่อครั้ง

บริษัทฯ เร่งปรับตัวอย่างรวดเร็ว เพื่อหาแนวทางในการบรรเทาผลกระทบที่มีต่อธุรกิจ โดยการมุ่งรักษาเสถียรภาพการเงินให้มั่นคง คุมเข้มสภาพคล่องอย่างเคร่งครัด ลดต้นทุน จัดการปริมาณสินค้าคงคลังให้คล่องตัว เน้นการลงทุนอย่างรอบคอบในธุรกิจที่ส่งเสริมให้บริษัทสามารถประกอบกิจการได้อย่างมีศักยภาพสูงและยั่งยืน

ในปี 2568 ท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงของพฤติกรรมผู้บริโภคและความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีที่รวดเร็ว เรายังคงเล็งเห็นถึงความสำคัญของการสร้างประสบการณ์ที่เหนือกว่าให้กับผู้ชม และการปรับตัวเพื่อตอบสนองความต้องการที่หลากหลายของลูกค้า ผ่านการลงทุนในเทคโนโลยีล้ำสมัย เช่น ระบบภาพและเสียงที่คมชัดยิ่งขึ้น รวมถึงการออกแบบพื้นที่ที่สร้างความสะดวกสบายและตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ นอกจากนี้ ในส่วนของภาพยนตร์ที่เป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนธุรกิจ ด้วยจำนวนภาพยนตร์ไทย และ Hollywood ของปี 2568 ที่จะถึงนี้ เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง สะท้อนให้เห็นถึงความตื่นตัวและความพยายามของผู้ผลิตที่จะนำเสนอผลงานที่มีคุณภาพและตอบโจทย์กลุ่มลูกค้า

การส่งเสริมความยั่งยืนในธุรกิจโรงภาพยนตร์

ในปี 2568 เราตั้งเป้าหมายที่จะยกระดับการดำเนินธุรกิจที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม โดยเน้นการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก การใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ และการสนับสนุนการใช้วัสดุรีไซเคิลในโรงภาพยนตร์ เราเชื่อว่าการเติบโตทางธุรกิจควรควบคู่ไปกับการดูแลชุมชนและสิ่งแวดล้อม เพื่อส่งต่ออนาคตที่ดียิ่งขึ้นให้กับคนรุ่นถัดไป

การสนับสนุนอุตสาหกรรมภาพยนตร์ไทย

หนึ่งในพันธกิจสำคัญของเรา คือ การเป็นแรงผลักดันให้อุตสาหกรรมภาพยนตร์ไทยเติบโตและก้าวสู่ระดับสากล ในปีนี้ เราให้ความสำคัญกับการสนับสนุนการผลิตภาพยนตร์ไทยที่สะท้อนคุณค่าในระดับสากล สร้างพื้นที่ให้ผู้กำกับ นักแสดง และทีมงานเบื้องหลังได้แสดงศักยภาพของพวกเขา รวมถึงการร่วมมือกับพันธมิตรในต่างประเทศ เพื่อขยายโอกาสให้ภาพยนตร์ไทยได้เข้าถึงผู้ชมในวงกว้าง และพัฒนาภาพยนตร์คุณภาพที่สะท้อนเอกลักษณ์และความสร้างสรรค์ของคนไทย

เราขอแสดงความมุ่งมั่นที่จะผลักดันภาพยนตร์ไทยให้เป็นหนึ่งใน Soft Power ที่สำคัญของประเทศ ไม่เพียงเพื่อการสร้างชื่อเสียง แต่ยังเป็นตัวแทนที่สะท้อนความเป็นไทยในระดับสากลอีกด้วย

การเป็นผู้นำด้านความบันเทิงอย่างยั่งยืน

เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ้ป จะยังคงเป็นศูนย์กลางแห่งความบันเทิงที่นำเสนอประสบการณ์การชมภาพยนตร์ที่ดีที่สุด พร้อมทั้งขยายเครือข่ายสู่ตลาดใหม่ๆ ทั้งในประเทศและภูมิภาคใกล้เคียง เรามุ่งมั่นที่จะเป็นส่วนหนึ่งในการสร้างแรงบันดาลใจและความสุขให้กับผู้ชมทุกเพศทุกวัย

ตลอดความท้าทาย บริษัทฯ ได้ยึดหลักการให้ความสำคัญต่อผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทุกกลุ่มอย่างทั่วถึง ตั้งแต่พนักงาน ลูกค้า คู่ค้า เจ้าหนี้ ผู้ถือหุ้น ไปจนถึงชุมชนและประเทศชาติ โดยได้ริเริ่มสิ่งใหม่ๆ ที่จะช่วยให้ทุกฝ่ายเดินหน้าไปด้วยกันอย่างดีที่สุด ไม่ว่าจะเป็นการยกระดับมาตรฐานโรงภาพยนตร์ พัฒนาแพลตฟอร์มใหม่ ๆ เพื่ออำนวยความสะดวกให้ผู้รับบริการ

นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังคงมุ่งมั่นในการบริหารจัดการธุรกิจด้วยความโปร่งใสตามหลักธรรมาภิบาลที่ดีตลอดมา ทั้งการให้ความสําคัญต่อสิทธิของผู้ถือหุ้น ควบคู่ไปกับการให้ความสําคัญในการดูแลพนักงาน โดยคํานึงถึงหลักสิทธิมนุษยชน (Human Right) ความเท่าเทียมและความหลากหลาย (Equality & Diversity) และการมีส่วนร่วม (Inclusion) เสริมสร้างวัฒนธรรมการทำงานแบบ Work Life Balance รวมถึง Work-Family Balance ให้แก่พนักงาน การคํานึงถึงบทบาทของผู้มีส่วนได้เสีย และความรับผิดชอบของคณะกรรมการ ซึ่งสะท้อนจากผลการประเมินด้านการกํากับดูแลกิจการที่ดี โดยสมาคมส่งเสริมสถาบันกรรมการบริษัทไทย (IOD) ที่บริษัทฯ ได้รับการประเมินให้อยู่ในระดับ 5 ดาว (ดีเยี่ยม) อีกทั้งบริษัทฯ ยังคงมุ่งมั่นที่จะสร้างความเป็นอยู่ที่ดีให้แก่สังคมและชุมชน โดยการให้การสนับสนุนกิจกรรมผ่านมูลนิธิ เมเจอร์ แคร์ ที่มุ่งเน้นการมอบโอกาสทางการศึกษา เพื่อช่วยเปิดโลกทัศน์ในการเรียนรู้ เสริมสร้างประสบการณ์นอกห้องเรียน ผ่านโครงการห้องหนัง ที่ดำเนินการไปแล้วกว่า 75 โรงเรียน ครอบคลุม 64 จังหวัดในปี 2567 บริษัทฯ ได้รับเลือกเข้าเป็นสมาชิกของดัชนี MSCI ESG Index : AA และได้รับคัดเลือกเข้าเป็น หุ้นยั่งยืน (SET ESG RATING : AA) ต่อเนื่องเป็นปีที่ 5 จากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย

สุดท้ายนี้ ในนามของคณะกรรมการบริษัท คณะผู้บริหาร ผมใคร่ขอขอบคุณผู้มีส่วนได้เสียทุกท่านสำหรับการสนับสนุนมาอย่างต่อเนื่อง ผมขอขอบคุณพนักงานทุกคนสำหรับความทุ่มเทและความอดทน รวมถึงความร่วมมือร่วมใจกันมุ่งมั่นที่จะขับเคลื่อนและสร้างผลการดำเนินงานที่ดีในทุกส่วนขององค์กรอย่างต่อเนื่องตลอดทั้งปีที่ผ่านมา บริษัทฯ จะยังคงมุ่งมั่นดำเนินธุรกิจด้วยหลักบรรษัทภิบาลและสำนึกในความรับผิดชอบต่อสังคม ชุมชน และสิ่งแวดล้อม เพื่อประโยชน์สูงสุดแก่ผู้มีส่วนได้เสียทุกฝ่าย และหวังว่าทุกท่านจะให้ความเชื่อมั่นและการสนับสนุนกับบริษัทฯ เพื่อเติบโตไปพร้อมกันสู่อนาคตที่ยั่งยืน

นายไกรทิพย์ ไกรฤกษ์

ประธานกรรมการ

นายวิชา พูลวรลักษณ์

ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร