ก.ล.ต.เกาะติดเอฟไอเอฟ หลัง'เลแมน'ล้ม

เมเจอร์จ่อซื้อหุ้นคืน

นายวิชา พูลวรลักษณ์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ้ป (MAJOR) กล่าวว่าการที่ราคาหุ้นเมเจอร์ปรับตัวลงแรง เพราะได้รับผลกระทบจากนักลงทุนตื่นตระหนกต่อปัญหาวิกฤติซับไพร์ม แต่คงไม่ได้เกิดจากการที่บริษัทเอไอเอได้ขายหุ้น เชื่อยังไม่น่าจะขายหุ้นออกมา เพราะราคาหุ้นปรับตัวลงแรง ถ้าขายจะขาดทุนจำนวนมาก และมีสัดส่วนการถือหุ้นเพียง 1-2%

บริษัทมั่นใจในส่วนของภาพรวมธุรกิจ ไม่ได้รับผลกระทบจากปัญหาวิกฤติครั้งนี้ เพราะไม่ได้อยู่ในกลุ่มอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องกับอสังหาริมทรัพย์ หรือภาคการเงิน จึงเป็นเพียงผลกระทบจิตวิทยาระยะสั้นกับราคาหุ้นเท่านั้น

'ราคาหุ้นที่ปรับลงแรง ทำให้บริษัทมีความสนใจ ที่จะเปิดโครงการซื้อหุ้นคืน ยอมรับคิดอยู่ ซึ่งตอนแรกไม่สนใจ เพราะมองว่าราคายังไม่อยู่ในช่วงที่เหมาะสม แต่ตอนนี้ราคาหุ้นลงแรงมากทำให้ต้องกลับมาคิดใหม่ หากจะทำก็สามารถขออนุมัติจากคณะกรรมการบริษัทได้ทันที ปัจจุบันบริษัทมีกระแสเงินสดมากพอ แต่ละปีมีประมาณ 2 พันล้านบาท'

เขากล่าวว่า ช่วงที่ผ่านมาจากการตรวจสอบโครงสร้างผู้ถือหุ้นล่าสุดของบริษัท พบว่า กลุ่มนักลงทุนต่างประเทศได้เพิ่มสัดส่วนการถือหุ้น โดยเฉพาะนักลงทุนกลุ่มอังกฤษ หากนักลงทุนสหรัฐฯเทขาย เชื่อจะมีนักลงทุนประเทศอื่น ให้ความสนใจเข้าลงทุนหุ้นเมเจอร์

การเคลื่อนไหวราคาหุ้นเมเจอร์ในรอบ 5 ปี พบว่าราคาหุ้นได้ปรับตัวลดลงต่ำสุดที่ 9.35 บาท เมื่อวันที่ 18 กันยายนที่ผ่านมา ราคาเคยปรับขึ้นไปสูงสุดที่ 20.10 บาท ณ วันที่ 25 กรกฎาคม 2550 และ ราคาเฉลี่ยอยู่ที่ 15.60 บาทต่อหุ้น

 

ที่มา : หนังสือพิมพ์ กรุงเทพธุรกิจ
ฉบับวันที่ 22 กันยายน พ.ศ. 2551