MAJOR ลั่นไม่ทิ้งแผนสวอปMPIC ยอมรับโปรโมตน้อยไป นักลงทุนเลยไม่อนุมัติ

MAJOR ตอกย้ำไม่ทิ้งแผนเพิ่มทุนสวอปหุ้น MPIC แม้ดีลรอบแรกจะเหลวไปแล้วด้านผู้บริหารรับเดินเกมพลาดชี้แจงผลประโยชน์หลังควบรวมไม่ทั่วถึง นักลงทุนเลยไม่เห็นพ้อง ยืนยันปีนี้รายได้โตตามนัด 15% พุ่งทะลุ 6,000 ล้านบาท

ผู้สื่อข่าวรายงานกรณีประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นบริษัท เอ็มพิคเจอร์ส เอ็นเตอร์เทนเม้นท์จำกัด (มหาชน) หรือ MPIC มีมติไม่อนุมัติให้ซื้อหุ้นสามัญบริษัทในเครือ เมเจอร์ซีนีเพล็กซ์ กรุ้ป จำกัด (มหาชน) หรือ MAJOR เมื่อครั้งล่าสุดที่ผ่านมา โดยนายฉัฐภูมิขันติวิริยะ รองกรรมการผู้อำนวยการ สายการเงินและบัญชี MAJOR กล่าวว่า ทางบริษัทยังคงมีความสนใจที่จะดำเนินการสวอปหุ้นอยู่เหมือนเดิม แม้ครั้งล่าสุดที่ผ่านมาจะไม่ได้รับการอนุมัติก็ตาม

'ตอนนี้ไม่มีความคืบหน้าอะไร เนื่องจากทางผู้บริหารของ MAJOR ยังไม่ได้มีการเปิดเผยถึงแผนการในอนาคต ส่วนเรื่องข้อผิดพลาดในครั้งนี้ทางบริษัทจะนำกลับพิจารณาหาทางแก้ไขอย่างละเอียดอีกที จึงยังกำหนดระยะเวลาอะไรไม่ได้ ซึ่งเราก็ยังคงสนใจที่จะดำเนินการต่อ เพราะถือเป็นเรื่องที่ส่งผลประโยชน์ต่อบริษัทในอนาคต'นายฉัฐภูมิกล่าว

ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 4 ก.ย. ที่ผ่านมาทางที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นได้มีมติไม่อนุมัติให้ซื้อหุ้นบริษัท แปซิพิค มาร์เก็ตติ้ง แอนด์ เอ็นเตอร์เทนเม้นท์ กรุ๊ป จำกัด หรือ PM และบริษัทมีเดีย เน็ตเวิร์ก รีเทล จำกัด หรือ MNR หลังจากมีคะแนนเสียงเห็นด้วยไม่ถึงจำนวน 3 ใน4 จากทั้งหมด และไม่อนุมัติเพิ่มทุนจดทะเบียนของบริษัท หลังจากมีคะแนนเสียงเห็นด้วยไม่ถึง 3 ใน 4 เช่นเดียวกัน และต้องยกเลิกการปิดสมุดทะเบียนพักการโอนหุ้น เพื่อกำหดสิทธิของผู้ถือหุ้นในการจองซื้อหุ้นเพิ่มทุน ในวันที่ 12 ก.ย. 51 นี้

นอกจากนี้ นายฉัฐภูมิ ยังชี้แจงถึงข้อสงสัยในส่วนการต่อยอดธุรกิจในส่วนของ MNRว่า เป็นบริษัทที่มีระบบการขายผ่านรูปแบบโฮมเอ็นเตอร์เทนเม้นท์ได้เป็นอย่างดี และสามารถทำรายได้สูงได้ปีละ 700 ล้านบาท โดยจะจัดจำหน่ายสินค้าผ่านสาขาถึง 160 แห่ง อย่างในLotus Express หรือ 7-11 กว่า 4,400 สาขาทั่วประเทศ

'MNR แม้จะเป็นบริษัทที่มีขนาดไม่ใหญ่แต่กลับสร้างยอดขายได้สูงปีละ 700 ล้านบาทอีกทั้งไม่มีปัญหาเรื่องหนี้สิน ซึ่งเป็นผลจากการวางแผนและเลือกลงทุนในธุรกิจโฮมเอ็นเตอร์เทนเม้นท์อย่างรอบคอบ ส่วนแผนการที่เราตั้งใจไว้คือจะเข้ามาดำเนินงานแบบลักษณะแผงขายแข่งกับพวกละเมิดสินค้าลิขสิทธิ์ โดยจะมีการจัดบุคคลากรของบริษัทสำหรับคอยเดินเรื่องขอใบอนุญาตต่างๆอำนวยความสะดวกให้กับผู้ขายได้ครบวงจร'นายฉัฐภูมิกล่าว

อย่างไรก็ตาม แม้ MPIC จะไม่ได้รับการอนุมัติแผนสวอปหุ้น แต่ก็จะไม่ส่งผลกระทบต่อผลการดำเนินงานของบริษัทภายในปีนี้และปี 52 เพราะแต่ละฝ่ายยังสามารถบริหารธุรกิจได้เหมือนเดิม โดยคงเป้ารายได้รวมปี 51 โตขึ้น 15-20% จากเดิมที่มีรายได้รวม 5,900 ล้านบาท

'ถึงบริษัทจะไม่มีการเปลี่ยนแปลงตามที่เคยคาดไว้ แต่ก็ไม่ได้ส่งผลกระทบอะไรต่อผลการดำเนินงานในปีนี้หรือปีหน้า เนื่องจากต่างฝ่ายก็สามารถบริหารงานได้ตามปกติ ส่วนเป้ารายได้ของเราในปี 51 ก็ยังเชื่อว่าโตได้ประมาณ 15-20% เหมือนเดิม เพราะแม้จะมีปัญหาเรื่องการเมือง แต่ยอดคนเข้ามาชมภาพยนตร์ก็ไม่ได้ตกลงเลย'นายฉัฐภูมิกล่าว

โดยก่อนหน้านี้นายวิชา พูลวรลักษณ์ ประธานกรรมการบริหาร และกรรมการ MAJORยืนยันว่า แม้ดีล MPIC เข้าซื้อกิจการบริษัทย่อยในเครือจะไม่สำเร็จใน แต่ MAJOR ก็ยังมีแนวคิดและแผนงานอีกมากที่จะทำให้ผลักดันให้ MPIC สามารถเติบโตและมีผลกำไรเพิ่มขึ้นและจะพยายามหาหนทางในการเป็นพันธมิตรร่วมกันในอนาคตเพื่อให้เติบโตร่วมกันได้ทั้ง 2บริษัท

'เสียดายโอกาสทางธุรกิจ เพราะ MAJOR มีความตั้งใจจะสยายปีกธุรกิจให้ครบทั้งปีกซ้ายคือธุรกิจภาพยนตร์ที่แข็งแกร่งอยู่แล้ว แต่ยังขาดธุรกิจทางปีกขวาที่จะมาต่อยอดระหว่างกัน'นายวิชากล่าว




 




ที่มา : หนังสือพิมพ์ ข่าวหุ้น
ฉบับวันที่ 8 กันยายน พ.ศ. 2551