บริษัทฯ ลงทุนในธุรกิจจัดจำหน่ายภาพยนตร์โดยการถือหุ้น ร้อยละ 92.46 ใน บมจ. เอ็ม พิคเจอร์ส เอ็นเตอร์เทนเมนท์ ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นตรงในบริษัท เอ็มพิคเจอร์ส จำกัด ผู้จัดจำหน่ายภาพยนตร์เข้าโรงภาพยนตร์เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด
ธุรกิจสื่อภาพยนตร์สามารถแบ่งได้เป็น 2 ส่วน คือการจัดหาภาพยนตร์ และผลิตภาพยนตร์ เพื่อจัดจำหน่ายภายในโรงภาพยนตร์ และการจัดจำหน่ายในช่องทางโทรทัศน์ และช่องทางออนไลน์ต่างๆ โดยเข้าซื้อลิขสิทธิ์ในการจัดจำหน่ายภาพยนตร์จากผู้ผลิตภาพยนตร์ และทำการโฆษณาประชาสัมพันธ์ควบคู่กันไป
บริษัทย่อย | สัดส่วนการถือหุ้น | นโยบายการแบ่งการดำเนินงานของบริษัทในกลุ่ม |
---|---|---|
1. บริษัท เอ็ม พิคเจอร์ส เอ็นเตอร์เทนเมนท์ จำกัด (มหาชน) | 92.46% | ลงทุนในธุรกิจจัดหาและซื้อลิขสิทธิ์ภาพยนตร์ต่างประเทศทั้งจากเอเชีย ยุโรป และอเมริกาและลงทุนในธุรกิจสื่อโฮมเอ็นเตอร์เทนเม้นท์ พร้อมทั้งธุรกิจผลิตภาพยนตร์ไทย ผ่านทางบริษัทย่อยของบริษัท |
2. บริษัท เอ็ม พิคเจอร์ส จำกัด | 92.46% | ธุรกิจจัดหาและซื้อลิขสิทธิ์ภาพยนตร์ไทยและภาพยนตร์ต่างประเทศ ทั้งจากเอเชีย ยุโรป และอเมริกาและผลิตภาพยนตร์ไทย ฉายผ่านโรงภาพยนตร์และจำหน่ายสิทธิในช่องทางต่างๆ โดยจะบริหารจัดการจำนวนภาพยนตร์ที่จะเข้าฉายในโรงภาพยนตร์เพื่อให้มีภาพยนตร์เข้าฉายอย่างต่อเนื่องตลอด 52 สัปดาห์ของปีเพื่อช่วยสร้างรายได้ให้กับบริษัทอย่างสม่ำเสมอแม้ในช่วงที่ภาพยนตร์จากตลาดฮอลลีวู้ดมีไม่มากนักโดยบริษัทเอ็มพิคเจอร์สจำกัดจะซื้อภาพยนตร์จากผู้สร้างอิสระ บริษัทหนังจากประเทศญี่ปุ่นและเกาหลี |
3. บริษัท เอ็ม วี ดี จำกัด (หยุดดำเนินการ) | 92.46% | ธุรกิจจัดหาและซื้อลิขสิทธิ์ภาพยนตร์ต่างประเทศ และภาพยนตร์ไทย จัดทำในรูปแบบ วีซีดี, ดีวีดี และบลูเรย์ เป็นสื่อประเภทโฮมเอ็นเตอร์เทนเม้นท์ ปัจจุบันบริษัทได้ปรับขนาดของธุรกิจลงตามแนวโน้มของอุตสาหกรรมโฮมเอ็นเตอร์เมนท์ที่มีการปรับตัวลดลงจากการแทนที่ของเทคโนโลยีใหม่ๆ ที่ตอบสนองลูกค้าได้มากขึ้น |
4. บริษัท เอ็ม เทอร์ตี้ไนน์ จำกัด | 92.46% | ธุรกิจผลิตภาพยนตร์ |
5. บริษัท เอ็ม ทาเลนต์ จำกัด (หยุดดำเนินการ) | 92.46% | ธุรกิจผลิตภาพยนตร์และรับจ้างผลิตงานทางด้านบันเทิงทุกรูปแบบ |
6. บริษัท ไท เมเจอร์ จำกัด (บริษัทย่อย ภายใต้บริษัท เมเจอร์ซีนีเพล็กซ์กรุ้ป จำกัด (มหาชน) ) | 100.00% |
ธุรกิจผลิตภาพยนตร์ไทย จัดตั้งเมื่อวันที่ 4 กรกฎาคม 2562 ทุนจดทะเบียน 75,000,000 บาท (750,000 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้ 100 บาทต่อหุ้น) จำนวนหุ้นที่บริษัทถือเท่ากับ 525,000 หุ้น และผู้ถือหุ้นรายย่อยอื่นถือหุ้นเท่ากับ 225,000 หุ้น เมื่อวันที่ 26 ธันวาคม พ.ศ. 2565 ณ ที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นครั้งที่ 1/2565 ของบริษัท ไท เมเจอร์ จำกัด (บริษัทย่อย) ผู้ถือหุ้นจำนวน 6 ราย แจ้งความประสงค์ที่จะจำหน่ายหุ้นจำนวน 5.40 ล้านบาท (225,000 หุ้น มูลค่าหุ้นละ 24 บาท) ให้แก่บริษัท ทำให้สัดส่วนการถือหุ้นของบริษัทในบริษัทย่อยเปลี่ยนแปลงจากอัตราร้อยละ 70.00 เป็น 100.00 |
7. บริษัท เมเจอร์ จอยน์ ฟิล์ม จำกัด | 99.99% | เมื่อวันที่ 19 มกราคม 2564 บริษัท ดิจิตอล โปรเจคเตอร์ แมเนจเม้นท์ จำกัด (บริษัทย่อย) ได้จดทะเบียนเปลี่ยนชื่อเป็น “บริษัท เมเจอร์ จอยน์ ฟิล์ม จำกัด” และเพิ่มวัตถุประสงค์ในการประกอบกิจการลงทุนในธุรกิจภาพยนตร์ |
การดำเนินงานร่วมกัน | สัดส่วนการถือหุ้น | นโยบายการแบ่งการดำเนินงานของบริษัทในกลุ่ม |
8. Hug Terd Tueng Joint Venture | 50.85% |
Production of Thai film entitling Hug Terd Tueng, not yet released, with investment amount of 18.00 million Baht under the agreement, divided as follows:
|
8. กิจการร่วมค้าภาพยนตร์ ฮักเถิดเทิง | 50.85% |
ธุรกิจผลิตภาพยนตร์ไทย เรื่อง ฮักเถิดเทิง ยังไม่เข้าฉายในโรงภาพยนตร์ เมื่อวันที่ 23 กรกฎาคม 2563 เงินลงทุนในสัญญา 18.00 ล้านบาท แบ่งเป็นสัดส่วนการลงทุน ดังนี้
|
9. กิจการร่วมค้าภาพยนตร์ ไบค์แมน | 64.72% |
ธุรกิจผลิตภาพยนตร์ไทย เรื่อง ไบค์แมน ศักรินทร์ตูดหมึก เข้าฉายในโรงภาพยนตร์เมื่อวันที่ 20 กันยายน 2561 เงินลงทุนในสัญญา 25.00 ล้านบาท แบ่งเป็นสัดส่วนการลงทุน ดังนี้
กิจการร่วมค้าภาพยนตร์ไบค์แมน ภายใต้ บจ.เอ็ม เทอร์ตี้ไนน์ เลิกกิจการแล้วเมื่อวันที่ 8 ธันวาคม 2565 |
10. กิจการร่วมค้าภาพยนตร์ ไบค์แมน 2 | 50.85% |
ธุรกิจผลิตภาพยนตร์ไทย เรื่อง ไบค์แมน ศักรินทร์ตูดหมึก 2 เข้าฉายในโรงภาพยนตร์เมื่อวันที่ 23 ตุลาคม 2562 เงินลงทุนในสัญญา 25.00 ล้านบาท แบ่งเป็นสัดส่วนการลงทุน ดังนี้
|
11. กิจการร่วมค้าภาพยนตร์ แก๊งตาลซิ่ง และ หลาน 25 น้า 24 | 64.72% |
ธุรกิจผลิตภาพยนตร์ไทย เรื่อง อีเรียมซิ่ง (เข้าฉายวันที่ 19 พฤศจิกายน 2563) และภาพยนตร์เรื่อง มิสเตอร์ดื้อ กันท่าเหรียญทอง (เข้าฉายวันที่ 18 กันยายน 2562) เงินลงทุนในสัญญาเรื่องละ 25.00 ล้านบาท แบ่งเป็นสัดส่วนการลงทุน ดังนี้
|
12. กิจการร่วมค้าภาพยนตร์ สามเกลอหัวแข็ง และ จ๊วด กะเทยบั้งไฟ | 64.72% |
ธุรกิจผลิตภาพยนตร์ไทย เรื่อง แสบสนั่น ยันหว่าง Happy New You เข้าฉายในโรงภาพยนตร์เมื่อวันที่ 30 ธันวาคม 2562 เงินลงทุนในสัญญา 23.50 ล้านบาท แบ่งเป็นสัดส่วนการลงทุน ดังนี้
และภาพยนตร์ไทย เรื่อง จ๊วด กะเทยบั้งไฟ ซึ่งยังไม่เข้าฉายในโรงภาพยนตร์ เงินลงทุนในสัญญา 15.50 ล้านบาท แบ่งเป็นสัดส่วนการลงทุน ดังนี้
|
บริษัทร่วม/การร่วมค้า (รับรู้โดยวิธีส่วนได้เสีย) | สัดส่วนการถือหุ้น | นโยบายการแบ่งการดำเนินงานของบริษัทในกลุ่ม |
13. บริษัท เอ็ม.พี.ไอ.ซี (กัมพูชา) ดิสทริบิวชั่น จำกัด | 50.85% |
ธุรกิจจัดหาและจัดจำหน่ายลิขสิทธิ์ภาพยนตร์เพื่อฉายในโรงภาพยนตร์ในประเทศกัมพูชา จดทะเบียนจัดตั้งในประเทศกัมพูชา เมื่อวันที่ 8 สิงหาคม 2561 ทุนจดทะเบียน 200,000 USD แบ่งออกเป็น 200,000 หุ้น มูลค่าหุ้นละ 1 USD ผู้ร่วมลงทุนประกอบด้วย :
|
14. บริษัท ลาสต์ ไอดอล (ไทยแลนด์) จำกัด | 18.49% |
ธุรกิจด้านความบันเทิง จดทะเบียนจัดตั้งบริษัท เมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม 2563 ทุนจดทะเบียน 100 ล้านบาท ประกอบด้วยหุ้นสามัญ 1 ล้านหุ้น มูลค่าหุ้นละ 100 บาท ทุนจดทะเบียนที่ชำระแล้วมูลค่า 25 ล้านบาท ผู้ร่วมลงทุนประกอบด้วย :
|
15. กิจการร่วมค้าภาพยนตร์ แสงกระสือ | 27.74% |
ธุรกิจผลิตภาพยนตร์ไทย เรื่อง แสงกระสือ เข้าฉายในโรงภาพยนตร์เมื่อวันที่ 14 มีนาคม 2561 เงินลงทุนในสัญญา 35.00 ล้านบาท แบ่งเป็นสัดส่วนการลงทุน ดังนี้
|
16. กิจการร่วมค้าภาพยนตร์ ขุนแผนฟ้าฟื้น | 47.16% |
ธุรกิจผลิตภาพยนตร์ไทย เรื่อง ขุนแผนฟ้าฟื้น เข้าฉายในโรงภาพยนตร์เมื่อวันที่ 10 ตุลาคม 2562 เงินลงทุนในสัญญา 47.00 ล้านบาท แบ่งเป็นสัดส่วนการลงทุน ดังนี้
|
17. กิจการร่วมค้าภาพยนตร์ THAT MARCH | 12.94% |
ธุรกิจผลิตภาพยนตร์ไทย เรื่อง ดิวไปด้วยกันนะ เข้าฉายในโรงภาพยนตร์เมื่อวันที่ 31 ตุลาคม 2562 เงินลงทุนในสัญญา 25.00 ล้านบาท แบ่งเป็นสัดส่วนการลงทุน ดังนี้
|
18. กิจการร่วมค้าภาพยนตร์ OUR LOVE FOREVER | 12.94% |
ธุรกิจผลิตภาพยนตร์ไทย เรื่อง รัก 2 ปี ยินดีคืนเงิน (Love Battle) เข้าฉายในโรงภาพยนตร์เมื่อวันที่ 20 มิถุนายน2562 เงินลงทุนในสัญญา 25.00 ล้านบาท แบ่งเป็นสัดส่วนการลงทุน ดังนี้
|
19. กิจการร่วมค้าภาพยนตร์ CLASSIC AGAIN | 36.06% |
ธุรกิจผลิตภาพยนตร์ไทย เรื่อง CLASSIC AGAIN เข้าฉายในโรงภาพยนตร์เมื่อวันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2563 เงินลงทุน ในสัญญา 25.00 ล้านบาท แบ่งเป็นสัดส่วนการลงทุน ดังนี้
|
20. กิจการร่วมค้าภาพยนตร์ คืนยุติธรรม | 64.72% |
ธุรกิจผลิตภาพยนตร์ไทย เรื่อง คืนยุติธรรม เข้าฉายในโรงภาพยนตร์ เมื่อวันที่ 12 สิงหาคม 2563 เงินลงทุนในสัญญา 19.00 ล้านบาท แบ่งเป็นสัดส่วนการลงทุน ดังนี้
|
21. กิจการร่วมค้าภาพยนตร์ แดงพระโขนง | 50.85% |
ธุรกิจผลิตภาพยนตร์ไทย เรื่อง แดงพระโขนง เข้าฉายในโรงภาพยนตร์ เมื่อวันที่ 31 มีนาคม 2565 เงินลงทุนในสัญญา 27.50 ล้านบาท แบ่งเป็นสัดส่วนการลงทุน ดังนี้
|
22. กิจการร่วมค้าภาพยนตร์ CRACKED | 20.00% |
ธุรกิจผลิตภาพยนตร์ไทย เรื่อง CRACKED เงินลงทุนในสัญญา 27.00 ล้านบาท แบ่งเป็นสัดส่วนการลงทุน ดังนี้
|
23. บริษัท เมเจอร์ กันตนา บรอดแคสติ้ง จำกัด | 41.61% |
ธุรกิจให้บริการแพร่ภาพสัญญาณดาวเทียมและจัดจำหน่ายลิขสิทธิ์ภาพยนตร์ ผ่านเคเบิ้ลทีวี ช่อง M Channel เป็นบริษัทร่วมทุนระหว่างบริษัท เอ็มพิคเจอร์ส เอ็นเตอร์เทนเมนท์ จำกัด(มหาชน) กับบริษัท กันตนา กรุ้ป จำกัด (มหาชน) ก่อตั้งเมื่อวันที่ 27 มกราคม 2553ด้วยทุนจดทะเบียน 40 ล้านบาท แบ่งเป็นหุ้นสามัญ 4,000,000 หุ้น มูลค่าหุ้นละ 10 บาท โดยบริษัทย่อยถือหุ้นจำนวน 1,799,996 หุ้น คิดเป็นร้อยละ 44.99 เมื่อวันที่ 8 สิงหาคม พ.ศ. 2561 ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทย่อย ได้มีมติอนุมัติให้ลงทุนเพิ่ม ตามสัดส่วนการถือหุ้นเดิม โดยซื้อหุ้น จำนวน 899,998 หุ้น ที่มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 10 บาท ทำให้ทุนจดทะเบียนเปลี่ยนแปลงเป็น 60 ล้านบาท แบ่งเป็นหุ้นสามัญ 6,000,000 หุ้น หุ้นละ 10 บาท และบริษัทย่อยมีจำนวนหุ้นเปลี่ยนแปลงเป็น 2,699,994 หุ้น โดยมีสัดส่วนการถือหุ้นไม่เปลี่ยนแปลง |
24. บริษัท ทรานส์ฟอร์เมชั่น ฟิล์ม จำกัด | 32.07% |
ธุรกิจผลิตภาพยนตร์และวีดีทัศน์ รวมทั้งงานด้านบันเทิงทุกรูปแบบ บริษัทนี้ก่อตั้งขึ้นในปี 2557 จากการร่วมทุนกับ 4 บริษัท คือ บจ.ทรู ไอคอนเท้นท์ ในกลุ่มทรู ,แบ็งคอค ฟิล์มสตูดิโอ ,แม็ทชิ่ง สตูดิโอ พลัส และบมจ.เอ็ม พิคเจอร์ส เอ็นเตอร์เทนเมนท์ ในสัดส่วนที่เท่ากัน คือ บริษัทละ 28.57% โดยคิดเป็นมูลค่ารายละ 50 ล้านบาท และแม็ทชิ่ง สตูดิโอ พลัส ลงทุนในสัดส่วน 14.29% คิดเป็นมูลค่า 25 ล้านบาท รวมเป็นเงินลงทุนตั้งต้นทั้งหมด 175 ล้านบาท บริษัทมีเป้าหมายที่จะผลิตภาพยนตร์ไทยคุณภาพเพื่อป้อนตลาดทั้งในและต่างประเทศ โดยเปิดตัวภาพยนตร์เรื่องแรก “ตุ๊กแกรักแป้งมาก”(เข้าฉาย 28 สิงหาคม 2557) เมื่อวันที่ 10 กรกฎาคม พ.ศ. 2561 ที่ประชุมคณะกรรมการของบริษัท ทรานส์ฟอร์เมชั่น ฟิล์ม จำกัด (“บริษัทร่วมค้า”) มีมติอนุมัติ ให้เพิ่มทุนจดทะเบียนของบริษัท ทรานส์ฟอร์เมชั่น ฟิล์ม จำกัด จากหุ้นสามัญ จำนวน 1.75 ล้านหุ้น โดยมีมูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 100 บาท เป็นหุ้นสามัญ จำนวน 2.45 ล้านหุ้น โดยมีมูลค่าที่ตราไว้ หุ้นละ 100 บาท คิดเป็นเงินลงทุนใหม่เท่ากับ 245 ล้านบาท บริษัท เอ็ม พิคเจอร์ เอ็นเตอร์เทนเม้นท์ จำกัด (มหาชน) (บริษัทย่อย) (“เอ็ม พิคเจอร์”) ได้ชำระค่าหุ้น จำนวน 35.00 ล้านบาท สำหรับหุ้นสามัญที่เพิ่มจำนวน 350,000 หุ้น ตามมูลค่าที่ตราไว้ ทำให้สัดส่วนการถือหุ้นของบริษัทย่อยดังกล่าวเปลี่ยนแปลงเป็น 850,000 หุ้น หรือคิดเป็น ร้อยละ 34.69 ของทุนจดทะเบียนของบริษัท ทรานส์ฟอร์เมชั่น ฟิล์ม จำกัด การเพิ่มทุนดังกล่าวจดทะเบียนกับกระทรวงพาณิชย์เมื่อวันที่ 23 กรกฎาคม พ.ศ. 2561 |
บริษัท เอ็มวีพี เอ็มพิคเจอร์ส ฟิล์ม ดิสทริบิวชั่น (ลาว) จำกัด | 36.98% |
ธุรกิจจัดจำหน่ายภาพยนตร์ ณ สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ก่อตั้งเมื่อวันที่ 24 สิงหาคม พ.ศ. 2558 เป็นการร่วมลงทุนของกลุ่มบริษัทโดยบริษัท เอ็ม พิคเจอร์ส เอ็นเตอร์เทนเมนท์ จำกัด (มหาชน) กับบริษัท เอ็มวีพี เอ็นเตอร์เทนเม้นท์ จำกัด เงินลงทุนเริ่มต้นทั้งสิ้น 125,000 USD แบ่งออกเป็นหุ้นสามัญ 10,000 หุ้นหุ้นละ 12.5 USD สัดส่วนการลงทุนร้อยละ 40 และ 60 ตามลำดับ แบ่งเป็นวงเงินลงทุนของบริษัทเท่ากับ 4,000 หุ้น เป็นเงิน 50,000 USD หรือ ประมาณ 1,750,000 บาท (อัตราแลกเปลี่ยน USD เท่ากับ 35 บาท ณ 30 มิถุนายน 2558) เมื่อวันที่ 7 สิงหาคม 2562 มีมติให้ลงทุนเพิ่มตามสัดส่วนการถือหุ้น จํานวน 34,200 หุ้น หุ้นละ 10,000 กีบ คิดเป็นเงินทั้งสิ้น 342,000,000 กีบ (ประมาณ 1,304,000 บาท) ทำให้ทุนจดเบียนจากเดิม เท่ากับ 1,000,000,000 กีบ แบ่งเป็นหุ้นสามัญ 100,000 หุ้น เปลี่ยนแปลงเป็น 1,855,000,000 กีบ แบ่งเป็นหุ้นสามัญ 185,500 หุ้น และสัดส่วนการลงทุนจากเดิม 40,000 หุ้น เปลี่ยนแปลงเป็น 74,200 หุ้น โดยมีสัดส่วนการถือหุ้นไม่เปลี่ยนแปลง |
26. บริษัท สกายบ็อกซ์ เอ็นเทอร์ เทนเมนท์ จำกัด | 41.61% |
ธุรกิจเกี่ยวกับกิจกรรมด้านความบันเทิง จัดตั้งเมื่อวันที 16 ธันวาคม 2564 ทุนจดทะเบียน 1 ล้านบาท แบ่งเป็น 10,000 หุ้น หุ้นละ 100 บาท ตามสัดส่วน ดังนี้
|
27. กิจการร่วมค้าภาพยนตร์อาตมาฟ้าผ่า | 40.00% |
ธุรกิจผลิตภาพยนตร์ไทย เรื่อง อาตมาฟ้าฝ่า เข้าฉายในโรงภาพยนตร์ เมื่อวันที่ 6 เมษายน 2566 เมื่อวันที่ 23 พฤษภาคม พ.ศ. 2565 บริษัทมีส่วนได้เสียในบริษัทร่วมร้อยละ 40 ตามสัญญาร่วมลงทุน โดยบริษัทได้ชำระเงินลงทุนร้อยละ 100 ของเงินลงทุนทั้งหมด คิดเป็นจำนวนเงิน 11.32 ล้านบาท ซึ่งได้มีการจ่ายชำระเงินลงทุนเมื่อวันที่ 22 มิถุนายน พ.ศ. 2565 จำนวน 10.19 ล้านบาท และเมื่อวันที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2565 จำนวน 1.13 ล้านบาท รวมเงินลงทุนทั้งสิ้น 28.30 ล้านบาท แบ่งสัดส่วนดังนี้
|
28. กิจการร่วมค้า ภาพยนตร์บัวผันฟันยับ | 50.00% |
ธุรกิจผลิตภาพยนตร์ไทย เรื่อง บัวผันฟันยับ เข้าฉายในโรงภาพยนตร์ เมื่อวันที่ 23 พฤศจิกายน 2565 เมื่อวันที่ 23 พฤษภาคม พ.ศ. 2565 บริษัทมีส่วนได้เสียในการดำเนินงานร่วมกันร้อยละ 50 ตามสัญญาร่วมลงทุน โดยบริษัทได้ชำระเงินลงทุนร้อยละ 100 ของเงินลงทุนทั้งหมด คิดเป็นจำนวนเงิน 19.70 ล้านบาท เมื่อวันที่ 26 กรกฎาคม พ.ศ. 2565 เงินลงทุนทั้งสิ้น 39.4 ล้านบาท แบ่งตามสัดส่วนดังนี้
|
29. กิจการร่วมค้า ภาพยนตร์ของแขก | 50.00% |
ธุรกิจผลิตภาพยนตร์ไทย เรื่อง ของแขก เข้าฉายในโรงภาพยนตร์ เมื่อวันที่ 25 พฤษภาคม 2566 เมื่อวันที่ 1 มิถุนายน พ.ศ. 2565 บริษัทมีส่วนได้เสียในการดำเนินงานร่วมกันร้อยละ 50 ตามสัญญาร่วมลงทุน โดยบริษัทได้ชำระเงินลงทุนร้อยละ 75 ของเงินลงทุนทั้งหมด คิดเป็นจำนวนเงิน 4.50 ล้านบาท ซึ่งได้มีการจ่ายชำระเงินลงทุนเมื่อวันที่ 15 กรกฎาคม พ.ศ. 2565 จำนวน 1.50 ล้านบาท, วันที่ 27 กรกฎาคม พ.ศ. 2565 จำนวน 1.50 ล้านบาท และวันที่ 30 ตุลาคม พ.ศ. 2565 จำนวน 1.5 ล้านบาท เงินลงทุนทั้งสิ้น 12 ล้านบาท แบ่งตามสัดส่วนดังนี้
|
30. กิจการร่วมค้า ภาพยนตร์รักได้ แรงอก | 50.00% |
ธุรกิจผลิตภาพยนตร์ไทย เรื่อง รักได้แรงอก เข้าฉายในโรงภาพยนตร์ เมื่อวันที่ 16 มีนาคม 2566 เมื่อวันที่ 12 กันยายน 2565 บริษัทมีส่วนได้เสียในการดำเนินงานร่วมกันร้อยละ 50 ตามสัญญาร่วมลงทุน โดยบริษัทได้ชำระเงินลงทุนร้อยละ 100 ของเงินลงทุนทั้งหมด คิดเป็นจำนวนเงิน 6.39 ล้านบาท เมื่อวันที่ 16 พฤศจิกายน พ.ศ. 2565 เงินลงทุนทั้งสิ้น 12.77 ล้านบาท แบ่งตามสัดส่วนดังนี้
|
31. กิจการร่วมค้า ภาพยนตร์ Long Live Love | 73.47% |
ธุรกิจผลิตภาพยนตร์ไทย เรื่อง Long Live Love เข้าฉายในโรงภาพยนตร์ เมื่อวันที่ 29 มิถุนายน 2566 เมื่อวันที่ 1 พฤศจิกายน 2565 บริษัทมีส่วนได้เสียในการดำเนินงานร่วมกันร้อยละ 73 ตามสัญญาร่วมลงทุน โดยบริษัทได้ชำระเงินลงทุนร้อยละ 100 ของเงินลงทุนทั้งหมด คิดเป็นจำนวนเงิน 27.70 ล้านบาท ซึ่งได้มีการจ่ายชำระเงินลงทุนเมื่อวันที่ 29 พฤศจิกายน 2565 จำนวน 15.60 ล้านบาท และวันที่ 30 พฤศจิกายน 2565 จำนวน 12.10 ล้านบาท เงินลงทุนทั้งสิ้น 37.7 ล้านบาท แบ่งตามสัดส่วนดังนี้
|